ป้องกันให้ถูก มะเร็งปากมดลูกป้องกันได้
มะเร็งปากมดลูก เป็นมะเร็งชนิดเดียวในโลกที่มีการตรวจคัดกรองที่มีประสิทธิภาพ เนื่องจากมะเร็งปากมดลูกมีธรรมชาติการเป็นมะเร็งที่ยาวนาน จากเซลล์ปกติจะมีการเปลี่ยนแปลงเป็นระยะก่อนที่จะเป็นมะเร็ง ซึ่งใช้เวลาเกือบ 10 ปี ก่อนจะกลายเป็นมะเร็ง โดยสาเหตุที่ทำให้เซลล์ปากมดลูกเปลี่ยนเป็นระยะก่อนเป็นมะเร็งนั้นเกิดจากไวรัส HPV เป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นการตรวจคัดกรองด้วยการตรวจแปปสเมียร์ (Pap Smear หรือ Pap Test) หรือปัจจุบันมีการตรวจเอชพีวี ดีเอ็นเอ (HPV DNA Test) ที่ตรวจหาเชื้อเอชพีวีสายพันธุ์เสี่ยงสูงแบบเจาะลึกลงไปในระดับดีเอ็นเอ ช่วยให้พบความผิดปกติได้โดยเร็ว ทำให้แพทย์สามารถทำการรักษาได้ตั้งแต่ระยะก่อนเป็นมะเร็ง ช่วยป้องกันการเป็นมะเร็งปากมดลูกได้ทันท่วงที สัญญาณเตือนจากอาการของมะเร็งปากมดลูก
  • มีเลือดออกจากช่องคลอดผิดปกติ ทั้งหลังมีเพศสัมพันธ์ หรือมีเลือดออกหลังวัยหมดประจำเดือนไปแล้ว รวมถึงการมีประจำเดือนมามาก หรือกะปริบกะปรอยในระหว่างรอบเดือนด้วย
  • มีตกขาวผิดปกติออกจากช่องคลอด เช่น ตกขาวที่มีเลือด มีหนอง มีเศษเนื้อปน รวมทั้งสี กลิ่น และปริมาณที่ผิดปกติ
  • มีอาการเบื่ออาหาร ทำให้ไม่รู้สึกอยากอาหารจนทำให้น้ำหนักลดลง
  • มีอาการอ่อนเพลีย รู้สึกไม่มีแรงหรือเหนื่อยง่ายกว่าปกติ ซึ่งอาจมีสาเหตุจากการทานอาหารได้น้อยลง หรือมีภาวะโลหิตจาง
  • ปวดบริเวณท้องน้อยผิดปกติ อาจทำให้ขับถ่ายปัสสาวะหรืออุจจาระได้ผิดปกติ เช่น ปัสสาวะหรืออุจจาระลำบาก หรือมีเลือดออกมา
  • รู้สึกเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ หากเตรียมตัวพร้อมสำหรับการมีเพศสัมพันธ์แล้ว แต่ยังรู้สึกเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์อยู่ อาจเป็นสัญญาณเล็กๆ ของอาการมะเร็งปากมดลูกได้
  • ขาบวม จะเกิดขึ้นในกรณีที่มะเร็งปากมดลูกได้ลุกลามไปที่ต่อมน้ำเหลืองแล้ว
เราสามารถลดเสี่ยงและป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้ ดังนี้
  • งดสูบบุหรี่
  • มีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย เช่น ใช้ถุงยางอนามัย เพื่อลดการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ และไม่มีคู่นอนหลายคน
  • ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเป็นประจำ เพื่อรักษาตั้งแต่ระยะก่อนมะเร็ง
ฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก (ป้องกันการติดเชื้อ HPV) โดยมีอยู่ 2 ชนิด คือ – ชนิด 4 สายพันธุ์ : สามารถป้องกันการเกิดมะเร็งปากมดลูกได้ประมาณ 70% – ชนิด 9 สายพันธุ์ : สามารถป้องกันการเกิดมะเร็งปากมดลูกได้มากกว่า 90% โดยฉีดได้ตั้งแต่อายุ 9 ปี หรือแม้ในผู้หญิงที่เคยมีเพศสัมพันธ์แล้วก็สามารถฉีดได้เช่นกัน ดังนั้น หากพบว่าตนเองมีสัญญาณอาการเตือนใดๆ หรือพบร่วมกันหลายอาการ ควรเข้ารับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก เพราะถึงแม้หากตรวจแล้วไม่ใช่โรคมะเร็ง แต่อาจเป็นสัญญาณของโรคอื่นๆ ที่เกี่ยวกับอวัยวะสืบพันธุ์ก็ได้ แต่จะให้ดีที่สุด คือควรเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก และหมั่นตรวจภายในเป็นประจำเมื่อถึงวัยอันควร โดยไม่ต้องรอให้มีอาการใดๆ เสียก่อน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือทำนัดหมาย กรุณาติดต่อ : แผนกสูตินรีเวช โรงพยาบาลกรุงเทพเมืองราช
โทร. 032-322274-80 ต่อ 229, 230